เป็นคดีความที่ฮือฮาในหมู่คอฮีโร่แปลงร่าง เมื่อช่วง ต.ค. 2017 จากการที่ สตูดิโอหนัง BlueArc จากกว่างโจว ประเทศจีน ได้ทำหนัง Dragon Force: So Long, Ultraman ขึ้น ซึ่งได้หยิบเอาคาแร็คเตอร์ Ultraman ไปใช้ในหนังโดยไม่ได้ขออนุญาตจาก Tsuburaya Productions

บริษัทญี่ปุ่น ผู้เป็นเจ้าของ Ultraman ตัวจริง ซึ่งทำเอา Tsuburaya โกรธจัดควันออกหู นำไปสู่การต่อสู้คดีบนชั้นศาล ในเวลาต่อมา

ล่าสุด คดีดังกล่าว ได้มีการพิพากษาตัดสินแล้ว โดยศาลเซี่ยงไฮ้ ได้ตัดสินให้ Tsuburaya เป็นฝ่ายชนะคดี พร้อมสั่งให้ BluArc ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ Tsuburaya เป็นจำนวน 38 ล้านเยน โทษฐานละเมิดลิขสิทธิ์คาแร็คเตอร์ Ultraman ของพวกเขา

Dragon Force: So Long, Ultraman เป็นหนังที่ BluArc สร้างขึ้น โดยให้ Ultraman เป็นตัวร้าย คอยต่อกรกับ หุ่นยนต์จีน ซึ่งเป็นตัวเอกประจำเรื่อง โดยทาง Tsuburaya อ้างว่า ตัวหนังถูกสร้างขึ้น และ มีการโฆษณา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพวกเขา พร้อมกับเรียกร้อง – ดำเนินคดีทางกฎหมาย ให้สตูดิโอจากจีน หยุดการกระทำดังกล่าว เมื่อ ก.ย. 2017 แต่ทาง BlueArc ยืนยันที่จะฉายหนังเรื่องนี้ต่อไป เลยทำให้ Tsuburaya ดำเนินการฟ้องร้องสตูดิโอจีนเพิ่มเติม ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์คาแร็คเตอร์ Ultraman ด้วยการ ผลิต , โฆษณา , ออกฉาย โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อ ก.พ. 2018

ขณะเดียวกัน ในปี 2017 Tsuburaya สามารถชนะคดีลิขสิทธิ์ Ultraman ทั่วโลก เหนือ UM Corporation (UMC) โดยอ้างว่า สัญญายินยอมมอบสิทธิ์ ฉบับปี 1976 ที่ UMC ได้มานั้น เป็นเอกสารไม่ถูกต้อง ซึ่งเอกสารฉบับข้างต้นนั้น ทางฝั่ง BluArc ของจีน

ก็ได้นำมาใช้อ้างสิทธิ์ ในการนำเอาตัวละตร Ultraman ไปใช้ในหนังดังกล่าวด้วย เช่นกัน (โดยสัญญาฉบับดังกล่าว เป็นสัญญาที่ทำร่วมกันระหว่าง คุณสมโภชน์ แสงเดือนฉาย นักธุรกิจชาวไทย (และ บ.ไชโย) กับ Noboru Tsuburaya ประธานของ Tsuburaya ในขณะนั้น )